
ซีซันนี้ปีเตอร์ มอร์แกนยังคงเหมาเขียนบททั้ง 10 ตอนแต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือบทบาทของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธจะถูกลดทอนบทบาทไปสู่การเป็นผู้สังเกตการณ์บ้านเมืองและครอบครัวของพระองค์เองมากกว่าจะลงไปอยู่ในเกมขัดแย้งเองเป็นหลัก นั่นทำให้เหตุการณ์ส่วนใหญ่ของ The Crown ซีซันนี้ได้ให้เวลาในการ “จำลองประวัติศาสตร์” ร่วมสมัยที่ราชวงศ์ได้กลายเป็นหมากในเกมอำนาจแทน
โดยส่วนแรกอย่างการเข้ามาของนางมากาเร็ต แท็ตเชอร์ ได้กลายเป็นภาพแทนของผู้หญิงที่เข้ามามีอำนาจบริหารประเทศและแม้จะอยู่พรรคอนุรักษ์นิยมแต่วิสัยทัศน์ที่อยากจะปฏิรูปประเทศตั้งแต่หัวขบวนยันรากลึกก็ย่อมทำให้ต้องมีปัญหากับพระราชินีนาถอยู่บ่อยครั้งจนถึงกับเกิดศึกใหญ่อย่างเหตุวิกฤติสงครามกลางเมืองในทวีปแอฟริกาที่ทั้งสองฝั่งขัดแย้งกันในประเด็นการบอยคอตการค้าเพื่อต่อต้านสงครามแบ่งแยกผิวสีที่ถือเป็นความขัดแย้งเดียวที่พระราชินีทรงลงมาต่อกรเกมอำนาจด้วยตัวเอง
ซึ่งตรงนี้ต้องขอชื่นชมทั้งโอลิเวีย โคลแมนและจิลเลียน แอนเดอร์สันที่สามารถถ่ายทอดบุคลิกการแสดงได้เหมือนเราไปอยู่ร่วมศึกครั้งนี้ได้อย่างดุเดือดเลือดพล่านจริง ๆ โดยเฉพาะแอนเดอร์สันที่ต้องบอกว่าทั้งเมกอัปและการพยายามเลียนท่าทางและน้ำเสียงของแท็ตเชอร์ถือเป๋็นความพยายามที่น่าชื่นชมและคาดเดาได้เลยว่าเธอจะต้องได้ชิงรางวัลการแสดงแน่นอน แม้ว่าในใจลึก ๆ จะหวังเห็นการตีความตัวละครในมุมของเธอมากกว่าแค่เลียนแบบท่าทางที่บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า “ยี่เก” ไม่น้อยเลยทีเดียว